เตรียมตัวสอบ พนักงานราชการ อย่างไรดี มีคำตอบ
1. เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมสำหรับการสอบ การสอบแข่งขัน การสอบคัดเลือก การคัดเลือกในภาคราชการมีระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการสรรหาบุคคลเข้ารับราชการด้วยระบบคุณธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการสอบ จึงต้องเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน คือ
1.1 จัดหาเอกสารหรือหนังสือสำหรับเตรียมสอบ วิธีการหาหนังสือหรือเอกสารเตรียมสอบ มีดังนี้หนังสือหรือเอกสารมีเนื้อหาที่ตรงตามหลักสูตรสอบแข่งขันฯ มีเนื้อหาสาระใหม่ ทันเหตุการณ์ปัจจุบัน เลือกหนังสือทั้งที่เป็นเนื้อหาโดยละเอียด เนื้อหาสรุปและหรือหนังสือที่เป็นแบบฝึกเลือกหนังสือหลายๆ เล่ม เจ้าของหรือผู้แต่งที่เชื่อถือได้ควรเลือกหนังสือภาคความรู้ทั่วไป เช่น หนังสือวัดความถนัดต่าง ๆ เป็นตั้น พร้อมทั้งมีตัวอย่างแบบฝึกและข้อสอบควรเลือกหนังสือเฉพาะเรื่อง ในภาคการศึกษา เช่น จิตวิทยาการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษาหลักสูตรและการสอน เป็นต้น ส่วนมากจะมีในสถาบันการศึกษา และหนังสือเตรียมสอบทั่วไปซึ่งส่วนมากจะเป็นเนื้อหาโดยสรุปภาคกฎหมายการศึกษาหรือกฎหมายปฏิบัติราชการ หนังสือที่เหมาะคือหนังสือเตรียมสอบโดยทั่วไปเพราะมีทั้งเนื้อหาโดยละเอียดและสรุปไว้แล้ว มีตัวอย่างแบบทดสอบให้ทำด้วยภาควิชาเฉพาะวุฒิหรือวิชาเอก ควรเลือกหนังสือ ตำราเรียน หนังสือสรุปเนื้อหา หรือหนังสือเตรียมสอบเข้าเรียนระดับชั้นต่างๆ ไม่ควรยึดหนังสือเตรียมสอบฯเป็นหลักเพราะเนื้อหามีน้อยหนังสือรวมข้อสอบฯ หรือหนังสือที่มีตัวอย่างข้อสอบให้ฝึกทำ ก็เป็นสิ่งจำเป็นควรมีไว้เพื่อฝึกทักษะการทำข้อสอบ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้
1.2. วิธีการอ่านหนังสืออย่างไรให้จำได้เร็ว เทคนิคการอ่านหนังสือ มีดังนี้
ศึกษาหลักสูตรการสอบแข่งขันฯ ให้เข้าใจและจัดหมวดหมู่ของเนื้อหา หนังสือภาคความรู้ความสามารถทั่วไป ควรศึกษาโดยวิธีฝึกทำข้อสอบ ดูเฉลยและทำความเข้าใจ เรื่องไหนที่ยากควรทำจุดสังเกตไว้ในหนังสือหรือบันทึกสรุปวิธีการหรือหลักการหาคำตอบไว้ในสมุดบันทึกใช้ทบทวนในคราวต่อไปวิชาการศึกษา ควรศึกษาเป็นเรื่องๆ ตามกรอบหลักสูตรสอบฯโดยใช้หนังสือหรือเอกสารหลายๆเล่มประกอบกัน ทำจุดสังเกตไว้ในหนังสือ หรือสรุปเนื้อหาไว้ในสมุดบันทึก ใช้ทบทวนในคราวต่อไปวิชาเอกหรือวิชาเฉพาะวุฒิ ควรศึกษาในสองลักษณะ คือ ลักษณะการจัดการเรียนการสอนวิชานั้นและเนื้อหาสาระของวิชานั้นๆ ในประเด็นสำคัญ สรุปและบันทึกสาระสำคัญเอาไว้ ฝึกทำข้อสอบวิชานั้น ๆควรวางแผนในการศึกษาหรืออ่านหนังสือทั้งในเรื่องสถานที่ เวลา เนื้อหาวิชาตามความถนัดและความสะดวกของตนเอง เวลาที่เหมาะสำหรับอ่านหนังสือที่บ้านควรจะเป็นตอนเช้าประมาณ 04.00 -06.00 นาฬิกา
นอกจากการศึกษาเอกสารแล้วสื่อเอกสารอย่างอื่นก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น การพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน การสอบถามหรือปรึกษากับครู อาจารย์ หรือผู้รู้ฯ การเข้ารับการอบรมสัมมนา(ติวสอบฯ) เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรู้ความเคลื่อนไหวปัจจุบันการติดตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากเพราะเนื้อหาเหล่านี้จะกำหนดในหลักสูตรสอบฯ และออกข้อสอบทุกครั้ง
1.3. วางแผนในการสอบอย่างไรให้ได้ผล ควรวางแผนการสอบตั้งแต่การเดินทาง การเข้าที่พัก การไปดูสนามสอบหรือห้องสอบ การทำข้อสอบและการเดินทางกลับ ดังนี้
ควรออกเดินทางไปถึงสถานที่หรือภูมิภาคสอบฯ อย่างน้อย 1วัน เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อน ไปดูสนามสอบฯเตรียมเอกสาร วัสดุ อุปกรณ์ หรือของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง สิ่งที่จะลืมไม่ได้ คือ บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบฯ ปากกา ดินสอ และยางลบ (ใช้สำหรับฝนหรือระบายข้อสอบ) ยารักษาโรคประจำตัว(ถ้ามี) และหนังสือหรือสรุปย่อเนื้อหาที่ได้จัดทำไว้แล้วคืนก่อนสอบ ให้ทบทวนเนื้อหาตามหลักสูตรสอบฯ เล็กน้อย หลังจากนั้นให้รีบเข้านอนในวันสอบ หลังจากภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย ควรไปถึงสนามสอบก่อนเวลาสอบ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาสอบประมาณ 5-10 นาที ควรตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง เข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อยเมื่ออยู่ในห้องสอบให้ปฏิบัติตามระเบียบของการสอบ หรือตามที่กรรมการคุมห้องสอบชี้แจง ให้ตั้งสติ ให้ดี มีสมาธิและวางแผนการทำข้อสอบ
1.4. การบริหารจัดการระหว่างทำข้อสอบกรณีข้อสอบเป็นปรนัย (ชนิดตัวเลือก) การบริหารเวลาในการสอบโดยตรวจสอบเวลาที่จะใช้ในการทำข้อสอบ แล้วคำนวณระยะเวลาในการทำข้อสอบ (โดยปกติมาตรฐานข้อสอบจะใช้เวลาทำข้อละ 1 นาที )ให้ชำเลืองดูนาฬิกาขณะทำข้อสอบเป็นระยะ ทำข้อสอบทีละข้อ โดยอ่านคำถามและทำความเข้าใจอย่างละเอียดกรณีข้อสอบที่ต้องใช้วิธีคำนวณหรือจำเป็นต้องขีดเขียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ให้ขีดเขียนลงในกระดาษคำถามได้ (อย่าใส่ใจกับข้อห้ามที่บอกว่าห้ามขีดเขียนใดๆ ลงบนข้อสอบเกินไปนัก)เมื่อทำข้อสอบครบทุกข้อแล้ว หากยังเหลือเวลาอย่าเพิ่งรีบออกจากห้องสอบให้กลับมาทบทวนข้อที่ยากหรือยังทำไม่ได้หากใกล้หมดเวลาสอบแล้วยังทำไม่เสร็จ หรือข้อสอบจำนวนมาก ให้ใช้วิธีการเดา
1.5. การบริหารจัดการระหว่างทำข้อสอบกรณีข้อสอบเป็นอัตนัย (อธิบาย) ตรวจสอบดูว่าข้อสอบมีกี่หน้า คำถามครบทุกข้อหรือไม่ และอ่านคำชี้แจงให้เข้าใจ โดยเฉพาะประเด็นให้ทำกี่ข้อให้ทำข้อที่ง่ายก่อน วางกรอบหรือทิศทางของคำตอบว่าจะตอบอะไรก่อนหลัง ควรอธิบายให้ชัดเจน กะทัดรัด แต่ตรงประเด็นมากที่สุด ไม่ควรบรรยายแบบน้ำท่วมทุ่ง เพื่อให้ได้คำตอบมากๆ ครบจำนวนหน้ากระดาษเท่านั้น และควรเขียนอย่างบรรจง ประณีตที่สุดเท่าที่จะทำได้
1.6. การปฏิบัติตัวหลังจากสอบเสร็จ ควรทำใจให้สบายถ้าหากเรามั่นใจและเตรียมตัวมาอย่างดี เราต้องสอบได้แน่ๆ หากเป็นเวลาพักเที่ยงควรรีบไปรับประทานอาหารกลางวันให้อิ่มและพักผ่อน หรือถ้าไม่มีสอบแล้วให้กลับไปพักผ่อนและเตรียมตัวสอบในวันถัดไป
2. เทคนิคการเลือกคำตอบที่ถูก
2.1. เทคนิคการเลือกคำตอบข้อสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป คือ ต้องรู้ หลักการ วิธีการคิด สูตรทางคณิตศาสตร์หรือพีชคณิต การฝึกทำข้อสอบประเภทนี้บ่อยๆ จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้รู้ จำ และเข้าใจหลักการ วิธีการคิด หรือสูตรการคิดได้อย่างรวดเร็วและจะทำเกิดความมั่นใจในที่สุด
2.2 เทคนิคการเลือกคำตอบข้อสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ลักษณะคำถาม 20 ประเภท ของข้อสอบภาคความสามารถเฉพาะตำแหน่ง โดยสรุปพอสังเขป ได้แก่คำถามเกี่ยวกับพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส แนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์คำถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวหรือแนวโน้มใหม่ทางด้านการศึกษาคำถามเกี่ยวกับความรอบรู้ (ความเคลื่อนไหวทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจและการปกครองและการต่างประเทศ) คำถามที่เกี่ยวกับ มติหรือนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้มีในหลักสูตรการสอบแข่งขันหรือการคัดเลือกคำถามเกี่ยวกับนโยบายหรือโครงการของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำถามเกี่ยวกับ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีหรือสาระสำคัญ หลักการ ของเรื่องนั้นๆคำถามเกี่ยวกับ วัน เวลา จำนวน สถานที่หรือ ตัวเลขคำถามเกี่ยวกับ บุคคล หน่วยงาน องค์กรที่ตนเองปฏิบัติงาน หรือหน่วยงานต้นสังกัดคำถามที่มีคำว่า ไม่ ไม่ใช่ ผิด ไม่ถูกต้อง แตกต่างไปจากพวก หรือยกเว้นคำถามที่เป็นมีศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือสำนวน ให้แปลความ หรืออธิบายคำถามที่มีประเด็นคำถามหลายประเด็นในข้อเดียวกันคำถามที่ถามถึงขั้นตอนการดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆคำถามที่ถามถึงประเด็นที่สำคัญที่สุดคำถามที่มีตัวเลือกถูกทุกข้อ หรือถูกหลายข้อคำถามวิเคราะห์ เช่น ความเข้าใจและการนำไปใช้, หลักการ หรือนิยามศัพท์, ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน, สาระตามข้อบัญญัติของระเบียบหรือกฎหมาย, เป้าหมาย ผลลัพท์ หรือผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา, ถ้อยคำ วลีที่เป็นตัวชี้วัดของประเด็นคำถาม
3. เทคนิคในการเข้าสอบสัมภาษณ์ การสอบสัมภาษณ์และการให้คะแนน จะพิจารณาในด้านต่างๆ ดังนี้ ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน (ถ้ามี) ประสบการณ์การทำงาน (ถ้ามี)บุคลิกภาพด้านต่างๆ รวมทั้งอุปนิสัยของผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูท่วงทีวาจา ปฏิภาณไหวพริบคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติอื่นๆ ตามหน่วยงานผู้สอบฯกำหนดการให้คะแนนของการสอบสัมภาษณ์โดยทั่วไป (คะแนนเต็ม 50 คะแนน ) การให้คะแนนของ กรรมการสอบสัมภาษณ์ จะกำหนดช่วงของคะแนนที่จะให้ไว้อย่างชัดเจน เช่น กำหนดความต่างของคะแนน ผู้เข้าสอบฯไม่เกิน 3 คะแนน ( ต่ำสุด 47 สูงสุด 49 ) หรือ 5 คะแนน (ต่ำสุด 45 สูงสุด 49) มักไม่นิยมให้คะแนนเต็ม 50 เพราะโดยหลักการแล้วจะไม่มีใครที่เยี่ยมยอด ดังนั้นผู้เข้าสอบสัมภาษณ์จึงไม่ต้องวิตกหรือกังวลมากนัก สิ่งที่ทำให้สอบได้หรือสอบตกไม่ได้อยู่ที่การสอบสัมภาษณ์แต่อยู่ที่การสอบข้อเขียนต่างหาก
ที่มา ezyjob.com
หน้าที่เข้าชม | 1,418,892 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,051,771 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |